แบบ เรียน อักษร ล้านนา ( ตัวเมือง )
ความนำ
อาณาจักรล้านนาในเชิงวัฒนธรรม ถือเอาว่าหมายถึงเดินแดนในภาคเหนือของประเทศไทยปัจจุบัน อันได้แก่จังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน ลำพูน และลำปาง รวมตลอดไปถึงรัฐเชียงตุงในเขตประเทศสหภาพพม่า และแคว้นสิบสองพันนาในเขตประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประชากรในเขตดังกล่าวมีพื้นฐานร่วมกันที่สำคัญยิ่งคือ ความเป็นชนเผ่าไท (The Tai Races) ซึ่งมีพื้นฐานทางภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีที่คล้ายคลึงกัน และโดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้ประชาชนเหล่านั้นผูกพันกันอย่างแนบแน่น ก็คือความเชื่อในพุทธศาสนา และสิ่งที่โยงใยให้เกิดมาตรฐานร่วมของความรู้ความคิด และความเชื่อในหมู่ชนทั้งปวง ก็คือการที่ใช้อักษรแบบเดียวกันในการบันทึกคัมภีร์ทางพุทธศาสนา และรวมตลอดถึงคัมภีร์ที่บันทึกความรู้ต่าง ๆ และจากการที่เอกสารเล่านั้นมีการคัดลอกต่อเนื่องกันมาทั้งในแง่การคัดลอกต่อเนื่องในท้องถิ่นและการคัดลอกข้ามถิ่น
อักษรที่ปรากฎในการบันทึกเอกสารนานาชนิดในเขตล้านนานี้อาจพบได้ว่ามีถึง 3 ระบบ คือ
1. อักษรธรรมล้านนา คือ อักษรที่นิยมใช้จารคัมภีร์พุทธศาสนาทั่วไป
2. อัษรไทนิเทศ หรือ อักษรขอมเมือง นิยมใช้บันทึกกวีนิพนธ์ประเภทโคลง และจารในใบลาน
3. อักษรฝักขาม คืออักษรที่ปรับปรุงจากอักษรสุโขทัย นิยมใช้ในงานประเภทศิลาจารึก แต่ในที่นี้จะขอกล่าวเพียงอักษรธรรมล้านนาเท่านั้น
อักษรธรรมล้านนานี้เป็นชื่อนิยมใช้เรียกในเชิงวิชาการ แต่ในหมู่ประชาชนทั่วไปอาจเรียกว่า ตัวเมือง หรือ อักขระเมือง จากการศึกษาของผู้รู้หลายท่านก็อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า อักษรชนิดนี้พัฒนาขึ้นจากอักษรมอญโบราณแห่งอาณาจักรหริภุญชัยในช่วงประมาณ พ.ศ. 1600 และก็อาจสืบโยงต้นเค้าไปถึงอักษรพราหมี ของพระเจ้าอโศกแห่งอินเดียได้ด้วย
อักษรธรรมล้านนานี้ นิยมใช้ในการจารคัมภีร์ใบลานซึ่งเป็นคัมภีร์ทางพุทธศาสนา ซึ่งมีคัมภีร์ชื่อต่าง ๆ ประมาณ 2000 ชื่อ นอกจากนี้ยังนิยมใช้บันทึกความรู้ต่าง ๆ ในรูปของสมุดที่ทำขึ้นจากเปลือกของ ไม้สา เรียกว่า พับสา หรือ พับหนังสา ซึ่งเป็นเสมือนตำราหรือคู่มือของนักวิชาการพื้นบ้านล้านนาได้เป็นอย่างดี
ในการเสนอแนวการเรียนอักขระชนิดนี้ ใคร่จะเสนอว่าน่าจะเรียนการเขียนภาษาล้านนาหรือล้านนาไทยเสียก่อนพอให้เข้าใจ จากนั้นจึงจะเรียนการใช้อักษรนี้ในการบันทึกภาษาอื่น เช่น ภาษาบาลีสันสกฤต เป็นต้น
พยัญชนะ
แม้อักษรธรรมล้านนาและอักษรไทยมาตรฐานจะพัฒนาขึ้นจากต้นตอเดียวกัน แต่อักษรธรรมล้านนามีลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากลักษณะของอักษรไทยมาตรฐานที่เห็นได้ชัดคือ สัญฐานของอักษรธรรมล้านนาจะวาดเป็นเส้นโค้ง ซึ่งเห็นว่าสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของมนุษย์ในการเขียนอักษร โดยที่ในการเขียนอักษรแต่ละตัวนั้น ผู้เขียนจะวางมือคว่ำบนวัสดุที่ใช้เป็นพื้นแล้วจึงใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลางประคองเครื่องเขียนและวาดอักษรเป็นเส้นโค้ง อักษรล้านนาหรือ ตัวเมือง จึงมีลักษณะโค้งและอ่อนไหว อักษรธรรมล้านนาส่วนใหญ่จะมีส่วนกว้างมากกว่า ส่วนสูง
พยัญชนะที่ใช้ในการเขียนภาษาล้านนาซึ่งจัดเรียงตามลำดับ มีดังนี้
พยัญชนะที่ใช้ในการเขียนภาษาล้านนาซึ่งจัดเรียงตามลำดับ มีดังนี้
อักษรดังกล่าวสามารถจัดเรียงเข้าตามแบบพยัญชนะวรรคได้ ดังนี้ ทั้งนี้ได้มีการเพิ่มอักษรพิเศษอีกจำนวนหนึ่งเข้าไปในชุดของอักขระ หรือ "แม่อักขระ" เพื่อความครบถ้วนในการใช้อักขระในฐานะของพยัญชนะต้น ดังนี้
การแบ่งหมู่อักษร อักษรธรรมล้านนาแบ่งออกเป็น 3 หมู่ ตามพื้นเสียง ดังนี้ ก. อักษรสูงพื้นเสียงเป็นระดับเสียงวรรณยุกต์จัตวา มี 22 ตัว คือ ข. อักษรกลาง พื้นเสียงเป็นระดับเสียงวรรณยุกต์สามัญ มี 4 ตัว คือ ค. อักษรต่ำพื้นเสียงเป็นเสียงวรรณยุกต์ตรี มี 23 ตัว คือ การแบ่งหมู่อักษร จากการแบ่งอักษรเป็น 3 หมู่นี้ ทำให้เห็นอักษรคู่ได้อย่างชัดเจน ดังนี้ สระ สระต่าง ๆ ในระบบการเขียนอักษรล้านนามีรายการดังต่อไปนี้ สระต่าง ๆ ในระบบการเขียนอักษรล้านนามีรายการดังต่อไปนี้ ตัวอย่างการใช้สระ ใ (ไอไม้ม้วน) ในระบบการเขียนอักษรล้านนา
การผสมอักษร 1. การผสมพยัญชนะต้นกับสระ ในการผสมอักษรอย่างแรกเริ่มคือ การผสมระห่างพยัญชะต้นและสระ ในแง่ภาษาล้านนาแล้วอักษรที่ใช้เป็นพยัญชนะต้นได้แก่พยัญชนะในหมู่พยัญชนะวรรค รวมทั้ง พยัญชนะพิเศษ ที่เพิ่มจากพยัญชนะวรรค โดยวิธีการผสมอักษรที่คล้ายกันกับในภาษาไทยมาตรฐาน 2. การผสมพยัญชนะต้น สระ และตัวสะกด ตัวสะกดนี้ ล้านนาเรียกว่า "มิตไสร" เช่นเรียก "ก" ที่เป็นตัวสะกดว่า "กอ มิตไสร" , "ด" สะกด เรียก "ดอ มิตไสร" , "ม" สะกดเรียก "มอ มิตไสร" เป็นต้น พยัญชนะที่ใช้เป็นตัวสะกดหรือเป็นหน่วยเสียงท้ายคำนั้น เป็นไปอย่งเดียวกับภาษาไทยมาตรฐาน ดังตัวอย่างดังนี้
3. ตำแหน่งของสระ พยัญชนะต้น และตัวสะกด จากการขานศัพท์ที่ระบุถึงการเขียนอักษรล้านนานั้น เห็นว่าสระเป็น "แม่" หรือที่บรรจุของพยัญชนะ กล่าวคือ สระต่าง ๆ จะมีตำแหน่งตายตัวอยู่แล้ว ในการผันอักษรหรือการ "แจกแม่อักขระ" นั้นจะเป็นเพียงการบรรจุพยัญชนะต้นลงไปในตำแหน่งที่กำหนดเท่านั้น ก็ถือว่าเป็นการฝันอักษรหรือสร้างศัพท์ได้ครบถ้วนตามวิธีการแล้ว ส่วนตัวสะกดนั้น โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ด้านล่างของพยัญชนะต้น และนิยมใช้อักษรตัวเชิงเป็นตัวสะกด ยกเว้นว่า มีรูปสระอยู่ด้านล่างของพยัญชนะต้นอยู่แล้ว ตัวสะกดนั้นจะปรากฎอยู่ด้านหลังของพยัญชนะต้น และปรากฎในรูปอักษรปกติ แต่หากจะดูตามวิธีการเขียนปัจจุบันแล้วจะเห็นว่าในการเขียนศัพท์ด้วยอักษรล้านนานั้น ตำแหน่งของสระจะปรากฎอยู่ในด้านต่าง ๆ ของพยัญชนะต้น คือ ปรากฎอยู่ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านบน ด้านล่าง แต่ก็มีสระบางสระที่ประกอบกระหนาบพยัญชนะต้นอยู่ ตำแหน่งที่รูปสระปรากฎอยู่นี้จะมีส่วนสัมพันธ์กับตำแหน่งของตัวสะกดอีกด้วย รูปสระอยู่ด้านหน้าของพยัญชนะต้น รูปสระอยู่ด้านล่างของพยัญชนะต้น พยัญชนะเปลี่ยนรูป พยัญชนะในระบบอักษรธรรมล้านนาที่ปรากฎในฐานะพยัญชนะต้นแม้จะมีความกว้างแตกต่างกันไปบ้าง แต่ความสูงของพยัญชนะเหล่านั้นจะต้องเท่ากันเสมอ แต่เมื่อใดที่พยัญชนะเหล่านั้นมิได้ปรากฎในฐานะของพยัญชนะต้นแล้ว พยัญชนะเหล่านั้นจะมีขนาดหรือรูปร่างที่แตกต่างไป ดังนี้ 1. อักษรที่ใช้เป็นตัวสะกดซึ่งอยู่ใต้พยัญชนะต้นและมีลักษณะโค้งคุ้มหรือคว่ำ จะมีขนาดย่อมกว่าอักษรที่ใช้เป็นพยัญชนะเป็นต้น 80 % 2. อักษรที่ใช้เป็นตัวสะกดซึ่งอยู่ใต้พยัญชนะต้นและมีลักษณะหงายหรือเปิดส่วนบน นอกจากจะมีขนาดย่อมกว่าพยัญชนะต้นประมาณ 20% แล้ว ยังนิยมต่อส่วนหางของอักษรนั้นให้สูงขึ้นมาเสมอกับพยัญชนะต้นคือ
3. อักษรที่เปลี่ยนรูปร่างลักษณะไปเป็นตัวเชิง คือ อักษรพิเศษ ในระบบที่เขียนด้วยอักษรธรรมล้านนานั้น มีอักษรบางตัวที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น เครื่องหมาย อักษรล้านนานั้นมีเครื่องอยู่จำนวนหนึ่งที่ใช้เขียนกำกับคำศัพท์ เพื่อช่วยให้สามารถบันทึกเสียงและภาษาล้านนาเป็นไปอย่างชัดเจนและสมบูรณ์ คือ
ตัวเลข ตัวเลขที่ใช้ในการเขียนอักษรล้านนามีอยู่ 2 ระบบ คือ เลขโหรา ใช้ในการเขียนบอกจำนวนในเอกสารต่าง ๆ ทั่วไป ส่วนเลขในธัมม์นิยมใช้เขียนกับเรื่องราวทางศาสนา ซึ่งมักจะเป็นเอกสารประเภทใบลาน ตารางตัวอักษรล้านนา เทียบแป้นพิมพ์ ผังอักษรล้านนาเทียบอักษรไทย (โหมดภาษาไทย อักษรในตำแหน่งบนซ้ายของทุกตัว เวลาใช้ต้องกด Shift ตารางตัวอักษรล้านนา เทียบแป้นพิมพ์ ผังอักษรล้านนาเทียบอักษรอังกฤษ (โหมดภาษาอังกฤษ) อักษรในตำแหน่งบนซ้ายของทุกตัว เวลาใช้ต้องกด Shift