ประวัติท่านอาจารย์ ประจวบ คงเหลือ
ประวัติท่าน อาจารย์
อาจารย์
โดยมีพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพุทธิธรรมธาดาอดีตรองเจ้าคณะจังหวัดพัทลุงและเจ้าอาวาสวัดสุวรรณวิชัยบรรพชาให้บวชเป็นสามเณรแล้วอยู่ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักวัดสุวรรณวิชัย สอบได้นักธรรมชั้นเอกสามเณรประจวบนั้นมีความสนใจในเรื่องไสยเวทตั้งแต่บวชเป็นสามเณรเนื่องจากว่าได้อาศัยอยู่กับพระหลวงตารูปหนึ่งซึ่งมีความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์และเป็นผู้ที่มีหน้าที่เก็บรักษาตำราไสยศาสตร์ของวัดซึ่งเก็บรักษากันมานานหลวงตารูปนั้นคือพระปลัดเล็ก รัตนโชโต เมื่อสามเณรประจวบอาศัยอยู่ด้วยพระปลัดเล็กก็มอบหน้าที่ให้ทำความสะอาดกุฎิที่เก็บตำราโบราณเหล่านั้นสามเณรประจวบเห็นเข้าก็อยากรู้ว่าเป็นอะไรเมื่อทราบว่าเป็นตำราศักดิ์สิทธิ์ที่บรรจุไสยเวทไว้ก็อยากเรียนแต่ก็เรียนไม่ได้เพราะตำราเหล่านั้นส่วนใหญ่จะถูกจารึกเป็นภาษาขอมและตอนนั้นผู้ที่รู้ภาษาขอมก็มีน้อยเหลือเกินแล้วในวัดสุวรรณวิชัยเองก็มีเพียงพระปลัดเล็กเท่านั้นที่อ่านภาษาขอมได้สามเณรประจวบจึงได้ขอให้พระปลัดเล็กสอนให้ครั้งแรกพระปลัดเล็กไม่ค่อยเต็มใจจะสอนให้ ไม่ใช่เพราะหวงวิชาหากแต่ต้องการให้สามเณรประจวบมีอนาคตในทางการศึกษาตามแบบปัจจุบันมากกว่า ท่านตระหนักว่าวิชาไสยเวทช่วยอะไรเขาไม่ได้มากนักในวัยเรียนเช่นนั้นน่าจะเอาเวลาไปศึกษาเล่าเรียนตามอย่างปัจจุบันให้มากๆดีกว่า เพื่อจะได้มีวิชาความรู้กับตัว แต่สามเณรประจวบก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในที่สุดพระปลัดเล็กก็ยอมสอนภาษาขอมให้เมื่อเรียนภาษาขอมจนอ่านออกเขียนได้แล้วสามเณรประจวบก็เริ่มศึกษาไสยเวทย์จากตำราเหล่านั้นเมื่อมีอะไรติดขัดก็ไปเรียนถามพระปลัดเล็กการศึกษาของท่านจึงก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วเพราะในวัยเด็กสามเณรประจวบมีความจำดีเฉลียวฉลาดจนท่านสำเร็จวิชาอาคมชั้นสูงต่างๆของเมืองพัทลุงตั้งแต่ในวัยเด็ก ปัจจุบันตำราเหล่านั้นได้สูญหายไปหมดสิ้นเนื่องจากเมื่อพระปลัดเล็กมรณภาพจึงขาดผู้ดูแล
จึงถูกปลวกถูกมอดแทะเสียหายไปหมดนับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อยสามเณรประจวบอยู่ที่วัดสุวรรณวิชัยจนอายุครบอุปสมบทก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดสุวรรณวิชัยโดยมีพระเดชพระคุณพระพุทธิธรรมธาดาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูกรุณานุรักษ์เป็นพระกรรมวาจาจารย์และมีพระปลัดเล็ก รัตนโชโต เป็นพระอนุศาสนาจารย์อุปสมบทแล้ว พระภิกษุประจวบก็ได้ศึกษาไสยเวทตามตำรานั้นสืบต่อมาจนท่านได้รับการสนับสนุนจากท่านเจ้าคุณ
วิชาที่ท่านอาจารย์
๑.หุงข้าวเหนียวดำ เป็นพิธีกรรมทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่งของสำนักเขาอ้อ โดยนำข้าวเหนียวดำประสมกับน้ำยาว่านต่างๆ หุงจนสุกแล้วปลุกเสกอาคมโดยอาจารย์ผู้ชำนายเวทย์ ใช้รับประทานเพื่อให้อยู่ยงคงกระพัน เครื่องยาว่านที่ใช้ประสมมีประมาณ 108 ชนิด เช่น ว่านขมิ้นดำ ว่านขมิ้นขาว ว่านขมิ้นเหลือง ว่านสามพันตึง ว่านเอ็นเหลือง ว่านมหาเมฆ ว่านมหานิล ว่านเพชรตาเหลือก ว่านมหากาฬ ว่านมหาปราบ ว่านหนุมานนั่งแท่น ว่านหนุมานสมานกาย ว่านกำลังหนุมาน ว่านสบู่เลือด ว่านเพชรหึง ว่านสากเหล็ก ว่านพระเจ้าคุ้มภัย ว่านเปราะดำ ว่านเขาควาย ว่านพระเจ้า 5 องค์ ว่านนิรพัตร ว่านประกายเหล็ก ว่านกระชายดำ ว่านเพชรน้อย ว่านหอกหัก ว่านไพลดำเป็นต้น เมื่อได้ว่านที่ต้องการแล้ว ก็นำมาต้มเอาน้ำยาประสมกับข้าวเหนียวดำ ใส่หม้อนำไปประกอบพิธีในอุโบสถ หม้อและไม้ฟืนทุกอันอาจารย์ผู้ประกอบพิธีต้องลง อักขระกำกับไว้ อาจารย์จะเริ่มปลุกเสกตั้งแต่จุดไฟ จนกระทั่ง ข้าวในหม้อสุก แล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ นำมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงแจกจ่ายไปรับประทาน เชื่อกันว่า ผู้ที่กินข้าวเหนียวดำแล้วจะสามารถอยู่ยงคงกระพัน และยังเชื่อว่าเป็นยารักษาโรคแก้ปวดหลังปวดเอวได้ด้วย ๒.อาบว่านยา รักษาโรคดีทางคงกระพันชาตรี ๓.ปรุงยาจินดามณี ป้อนให้ศิษย์ยาวาสนาเลิศล้ำตำราในโลกแดนดินอุปเท่ห์กล่าวไว้ ผู้ใดได้กินจะสวัสดิ์โสภณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุเงินทองจะพูนกองกว่าโลกหญิงชาย คนทั้งหลายนำมาบูชาอภิวาทบ่วาย ระงับอันตรายทั้งสี่อิริยา โทษหนักเท่าหนักถึงจะมรณากลับน้อยถอยคลา ยิ่งถ้าได้กิน 3 ดับ 3 เพ็ญในแม่คงคายิ่งประเสริฐกว่า ดำน้ำลงไปกินในคืนจันทร์เพ็ญจะเด่นสูงศรี คาบน้ำอันดีให้เร่งภาวนาวาสนาเลิศยิ่ง กลืนยาลงเข้าไปให้ได้ 3 ที ยิ่งถ้าจันทร์เพ็ญในเดือนสิบสอง ถือว่ายิ่งดี จันทร์เพ็ญในเดือนสิบสองของทุกปีถือว่าน้ำในแม่น้ำขึ้นเต็มที่ จึงนิยมทำไสยศาสตร์ในทางโชคลาภวาสนา และคุ้มกันภัย